Pagliacci
อารมณ์โศกเศร้าอันยิ่งใหญ่交织于歡快的曲调之中,创造出一种令人难以忘怀的戏剧性体验。
“Pagliacci” (โคลwn) เป็นหนึ่งในโอเปร่าที่โด่งดังที่สุดของจาโคโม ปูชชีนี่ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “3 อิทธิพลยิ่งใหญ่” ของโลกโอเปร่าร่วมกับ “La bohème” และ “Tosca” โอเปร่านี้นำเสนอเรื่องราวของคณะละครเดินทางที่ชีวิตจริงของพวกเขาซับซ้อนและมืดมืดยิ่งกว่าบทบาทที่แสดงบนเวที
เนื้อเรื่อง: ความรัก, ความหึงหวง, และการทรยศ
โอเปร่า “Pagliacci” ถูกตั้งขึ้นในบรรยากาศของคณะละครเดินทางในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในอิตาลี คานิโอนิ (Canio) หัวหน้าคณะละครและนักแสดงตัวเอก ซึ่งเป็นผู้ชายขึงขัง, จัดการคณะละครโดยภรรยาของเขา เนดด้า (Nedda) เนดด้า เป็นนักร้องสาวสวยที่ดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่มคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน
เนื่องจากความหึงหวง คานิโอนิ ตำแหน่งของเขาจึงถูกโจมตีเมื่อเนดด้า หลงรักกับชายหนุ่มชื่อ ซิลวิโอ (Silvio) ซิลวิโอ เป็นคนงานในโรงงานที่ใกล้เคียง และความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นความลับ
ความรุนแรงของเรื่องราวพุ่งสูงขึ้นเมื่อคานิโอนิ สังเกตเห็นการพบปะกันระหว่างเนดด้าและซิลวิโอ และรู้สึกสงสัยในความจงรักภักดีของเธอ ในขณะที่เขาร้องเพลง “Vesti la giubba” (ใส่ชุดโคลwn) เพื่อแสดงบทบาทของเขาบนเวที คานิโอนิ ตัดสินใจที่จะลงโทษเนดด้าและซิลวิโอ
ในตอนจบของโอเปร่า คานิโอนิ ทำลายความแตกต่างระหว่างชีวิตจริงและการแสดงเมื่อเขาฆ่าเนดด้าและซิลวิโอ ขณะที่เขาแสดงบนเวที
เพลงที่โดดเด่น: “Vesti la giubba”
เพลง “Vesti la giubba” (ใส่ชุดโคลwn) เป็นหนึ่งในเพลงที่รู้จักกันดีที่สุดในโลกโอเปร่า ซึ่งร้องโดยคานิโอนิ ก่อนที่จะขึ้นเวทีแสดง
เพลงนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งภายในของตัวละครซึ่งต้องฝืนจิตใจและร้องเพลงด้วยความเศร้าโศกอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าบทบาทที่เขาแสดงจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน “Vesti la giubba” ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ว่าเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการร้องโอเปร่า ซึ่งแสดงถึงอารมณ์ที่ซับซ้อน
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์: จาโคโม ปูชชีนี่
“Pagliacci” ได้รับการพรีเมียร์เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1892 ที่ Teatro Brancaccio ในเมืองโรม โดยจาโคโม ปูชชีนี่ เป็นผู้แต่งเพลง
ปูชชีนี่ (Giacomo Puccini; 22 ธันวาคม ค.ศ. 1858 – 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1924) เป็นหนึ่งในนักแต่งเพลงโอเปร่าที่สำคัญที่สุดของอิตาลี ซึ่งมีผลงานโดดเด่นอื่นๆ เช่น “La bohème”, “Tosca” , “Madama Butterfly” และ “Turandot”
โอเปร่าของปูชชีนี่ เป็นที่รู้จักกันดีจากความเข้มข้นของอารมณ์, เนื้อเรื่องที่น่าสนใจ และเพลงที่ไพเราะและน่าจดจำ
อิทธิพล: การทายาททางศิลปะ
“Pagliacci” ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินในหลากหลายสาขา
- ภาพยนตร์: โอเปร่าเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง, รวมถึง “Pagliacci” (1934) และ “The Clown” (1963)
- วรรณกรรม: “Pagliacci” ได้ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมหลายชิ้น เช่น เรื่องสั้นของเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ ชื่อ “A Clean, Well-Lighted Place” และนวนิยายของโธมัส แมนน์ ชื่อ “The Magic Mountain”
- ดนตรี: “Pagliacci” ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักแต่งเพลงและศิลปินร่วมสมัยหลายคน เช่น เดวิด ลี โรท, ริชาร์ด สตราสส์ และ แอนดี วอร์ฮอล
สรุป: บทเรียนแห่งความรักและการทรยศ
“Pagliacci” เป็นโอเปร่าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสำรวจความซับซ้อนของความรัก, ความหึงหวง, และการแก้แค้น
ด้วยเพลงที่ไพเราะและเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ “Pagliacci” ได้สร้างอิทธิพลต่อศิลปะมานานกว่าศตวรรษ และยังคงเป็นหนึ่งในโอเปร่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก